วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

โครงสร้างของกฎหมายภาษีอากร

โครงสร้างของกฎหมายภาษีอากร

กฎหมายภาษีอากรทุกฉบับ มีหัวข้อสำคัญอันเป็นโครงสร้างหลักของกฎหมาย แบ่งเป็น 6 หัวข้อคือ

1. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร
หรือผู้อยู่ในข่ายเสียภาษีอากร จะเป็นใครแล้วแต่ กฎหมายนั้นๆ จะกำหนด แต่โดยทั่วไป ได้แก่
บุคคลธรรมดา และหรือ นิติบุคคล
ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย

2. ฐานภาษีอากร มี 2 ความหมาย
ความหมายอย่างกว้าง:
สิ่งที่เป็นมูลเหตุให้ต้องเสียภาษีอากร เช่น
การมีรายได้, การมีทรัพย์สิน หรือ การใช้จ่าย
ความหมายอย่างแคบ:
สิ่งที่รองรับอัตราภาษีอากร
ภาษีที่ต้องเสีย = ฐานภาษีอากร x อัตราภาษีอากร

3. อัตราภาษีอากร แบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
แบบคงที่:
อัตราภาษีอากรไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจำนวนของฐาน
ภาษีอากรจะเปลี่ยนแปลงไป
เช่น อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ~ 30%, 10%
และ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ~ 7%
แบบก้าวหน้า:
อัตราภาษีอากรเพิ่มขึ้น เมื่อฐานภาษีอากรมีจำนวน
เพิ่มขึ้น เช่น อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 5% - 37%
แบบถดถอย:
อัตราภาษีอากรลดลง แม้ว่าจำนวนของฐานภาษีอากร
จะเพิ่มขึ้น เช่น อัตราภาษีบำรุงท้องที่

4. การประเมินจัดเก็บภาษีอากร มีหลายวิธี
-การประเมินตนเอง ภาษีอากรส่วนใหญ่ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรเป็นผู้ดำเนินการประเมินตนเอง แล้วยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีอากร ตามจำนวนที่พึงต้องชำระ
-เจ้าพนักงานประเมิน หากว่าผู้มีหน้าที่เสียภาษีประ
เมินตนเองไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ เจ้าพนักงานก็มีอำนาจประเมินให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร ต้องรับผิดชำระเงินเพิ่ม และหรือ เบี้ยปรับเพิ่มขึ้น นอกเหนือ จากภาษีอากรที่ต้องเสีย
-การหักภาษี ณ ที่จ่าย หลายกรณี กฎหมายกำหนด
ให้ผู้จ่ายเงินได้เป็นผู้ดำเนินการหักภาษีจากจำนวนเงินที่จ่าย แล้วนำส่งต่อเจ้าพนักงานภายในกำหนด เวลา ภาษีที่ถูกหักไว้นี้ มักถือเป็นเครดิตของผู้มีหน้าที่เสียภาษีเมื่อถึงกำหนดเวลา หรือ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอาจได้รับเงินคืน ถ้าภาษีที่ถูกหักไว้เกินกว่าจำนวนภาษีที่พึงต้องเสีย

5. การอุทธรณ์ภาษีอากร
กรณี เกิดปัญหาข้อขัดแย้งพิพาทกัน เกี่ยวกับข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย ระหว่างผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรและผู้จัดเก็บภาษีอากร เกี่ยวกับจำนวนภาษีอากรที่ต้องเสีย หรืออำนาจการประเมินเรียกเก็บภาษีอากร หากผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรต้องการ
ให้มีการพิจารณาทบทวนใหม่ กฎหมายมักกำหนด ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีหาข้อยุติให้ครบถ้วนก่อน มิฉะนั้นผู้เสียภาษีอากรอาจเสียสิทธิในการนำคดีขึ้นสู่ศาลได้

6. เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และโทษ
ผู้ไม่ชำระภาษีอากร จะต้องรับผิดในจำนวนภาษีอากรที่ไม่ชำระ พร้อมด้วยเบี้ยปรับและหรือเงินเพิ่ม
ถ้าฝ่าฝืนไม่ยอมชำระ กฎหมายมักให้อำนาจเจ้าพนักงานดำเนินการยึดทรัพย์สินของผู้ค้างภาษีอากรไปขายทอดตลาด เพื่อนำเงินไปชำระภาษีอากรค้างได้โดยไม่ต้องฟ้องศาล
นอกจากนี้ อาจต้องรับโทษทางอาญา เช่น เสียค่าปรับ และหรือ ต้องระวางโทษจำคุกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น